ผลการดำเนินงานปัจจุบัน
1. การพัฒนาช่องทางจำหน่ายตั๋วโดยสาร
บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาใช้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการบริการสำรองที่นั่งและจำหน่ายตั๋วโดยสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ โดยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายตั๋วเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายในการบริการแบบครบวงจร (One Stop Service)โดยจัดให้มีการบริการสำรองที่นั่งและจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านเคาน์เตอร์บริการภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นอกจากนี้แล้วได้มีการเพิ่มช่องทางในการสำรองที่นั่งและจำหน่ายตั๋วโดยสาร ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ตัวแทนจำหน่ายตั๋วของบริษัท Thai Ticket Major และผ่าน www.transport.co.th
ปัจจุบัน บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 ได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายตั๋วให้สามารถจำหน่ายตั๋วโดยสาร และการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-eleven ทุกสาขา แล้วนำหลักฐานการชำระเงินมารับตั๋วโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ ก่อนขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นมา
2. การจัดหาที่ทำการสถานีเดินรถเชียงของ
บริษัทฯ มีแผนการเปิดเส้นทางเดินรถโดยสารระหว่างประเทศผ่านสะพานมิตรภาพ ไทย – ลาว แห่งที่ 4 จำนวน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางเชียงใหม่ – หลวงพระบาง และเส้นทางเชียงราย – บ่อแก้ว เพื่อรองรับเส้นทาง R3Aซึ่งเป็นเส้นทางการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้ง รัฐบาลได้กำหนดให้อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าเกษตร บริษัทฯ จึงคาดว่าความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเส้นทางดังกล่าว โดยการปรับเปลี่ยนจุดจอดรถเชียงของให้เป็นสถานีเดินรถอำเภอเชียงของ และจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์ใช้เป็นที่ทำการสถานีเดินรถเชียงของ เป็นจุดจำหน่ายตั๋วให้บริการผู้โดยสารได้รับบริการที่ดี มีความสะดวกและปลอดภัย พร้อมทั้งเป็นที่พักพนักงานประจำรถ พนักงานประจำสถานี และจุดจอดพักรถโดยสาร
บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินจำนวน 4 ไร่ 1 งาน 71 9/10 ตารางวา ราคา 14.8 ล้านบาท ได้ดำเนินการออกแบบสถานีเดินรถเชียงของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย อาคารพักผู้โดยสาร สำนักงาน อาคารชานชาลา พื้นที่ขายอาหาร อาคารพักพนักงาน และอาคารซ่อมบำรุงรถโดยสาร โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างปี 2556 และคาดว่าจะเปิดสถานีเดินรถอย่างเป็นทางการในปี 2557
3. การบริหารคุณภาพและพัฒนาบริการ (รถบริษัทฯ และรถร่วม)
บริษัทฯ มีนโยบายพัฒนาคุณภาพการบริการ เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการเดินรถ โดยจัดฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำมาตรฐานคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทางของกรมการขนส่งทางบก สำหรับเส้นทางที่ใกล้หมดอายุใบอนุญาตฯ แก่พนักงานบริษัทฯ ผู้ประกอบการรถร่วม และพนักงานรถร่วมที่มีความประสงค์พัฒนามาตรฐานคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทาง ทั้งรถบริษัทฯ และรถร่วมประจำปี 2555 รวม 32 เส้นทาง แบ่งเป็นรถบริษัทฯ 7 เส้นทาง และรถร่วม 25 เส้นทาง คือ เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงแสน, กรุงเทพฯ – ขนอม, กรุงเทพฯ – กุมภวาปี – บึงกาฬ, กรุงเทพฯ – ตรัง, กรุงเทพฯ (จตุจักร) – บ้านฉาง – ระยอง, กรุงเทพฯ (จตุจักร) – จันทบุรี, กรุงเทพฯ – ตราด, พิษณุโลก – เพชรบูรณ์, พิษณุโลก – เชียงใหม่, อุดรธานี – หนองคาย, อุดรธานี – นครพนม, อุดรธานี – บ้านไผ่, ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร, สุพรรณบุรี – โคกสำโรง, สุราษฎร์ธานี – ภูเก็ต, สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม, สุพรรณบุรี – นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่, ตรัง – หาดใหญ่, บุรีรัมย์ – จันทบุรี, กรุงเทพฯ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ, กรุงเทพฯ – พิมาย – พนมไพร, กรุงเทพฯ – บึงกาฬ, กรุงเทพฯ – แม่ฮ่องสอน, กรุงเทพฯ – เขาค้อ, กรุงเทพฯ – สมุทรสงคราม, กรุงเทพฯ – หัวหิน, กรุงเทพฯ – ประจวบคีรีขันธ์, กรุงเทพฯ – ตรัง, กรุงเทพฯ – นครปฐม, กรุงเทพฯ – เทพสถิต – ชัยภูมิ, กรุงเทพฯ (จตุจักร) – ชลบุรี, กรุงเทพฯ (จตุจักร) – พัทยา
บริษัทฯ และผู้ประกอบการรถร่วม ได้พัฒนาการให้บริการให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทางของกรมการขนส่งทางบก พร้อมได้ลงพื้นที่ตรวจประเมินคุณภาพภายในเกี่ยวกับมาตรฐานการบริการบนรถโดยสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว จึงได้ยื่นขอรับการรับรองมาตรฐานคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทางจากกรมการขนส่งทางบก จำนวน 32 เส้นทาง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดการฝึกอบรมพิเศษเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องในโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เรื่อง การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถโดยสารสาธารณะไทยอย่างไร มีพนักงานบริษัทฯ และผู้ประกอบการรถร่วมเข้ารับการอบรม รวม 450 คน
4. การพัฒนาองค์กรตามกรอบแนวคิดของระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA)
ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจหรือระบบ SEPA (State Enterprise Performance Appraisal) คือ กระบวนการประเมินผลรัฐวิสาหกิจรูปแบบใหม่ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจนำไปใช้เทียบเคียงกับมาตรฐานสากล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินตนเอง (Self-Assessment) และเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือ TQA (Thailand Quality Award) เพื่อมาใช้ประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจในประเทศไทย โดยระบบ SEPAแบ่งมุมมองการพิจารณาเป็น 7 หมวด ได้แก่ หมวด 1 การนำองค์กรรัฐวิสาหกิจ (Leadership) หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Planning) หมวด 3 การมุ่งเน้นลูกค้า ผู้รับบริการ และการตลาด (Customer and Market Focused) หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis and Knowledge Management) หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร (Concentrating Personnels) หมวด 6 การจัดการกระบวนการ (Process Management) และหมวด 7 ผลสัมฤทธิ์ (Results) โดยรายงานที่ต้องนำส่งแก่ สคร. จำนวน 3 รายงาน คือ
1. รายงานผลการดำเนินงานตามแนวทาง (Organizational Performance Report) เป็นรายงานที่แสดงข้อมูลผลการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ แสดงรายละเอียดตามคำถามเกณฑ์หมวด 1 ถึง 7
2. รายงานผลการประเมินองค์กรด้วยตนเอง (Organization Self-Assessment Report : SAR) เป็นรายงานผลการประเมินองค์กรด้วยตนเอง โดยใช้แนวทางการประเมินตามแนวทางระบบ SEPA(ADLI สำหรับการประเมินหมวด 1 ถึง 6 และ LeTCIสำหรับการประเมินหมวด 7
3. แผนพัฒนาองค์กรตามแนวทาง SEPA (Roadmap for Improvement) เป็นแผนที่องค์กรจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาโอกาสในการปรับปรุง (Opportunities For Improvement : OFIs) ซึ่งเป็นผลจากการประเมินองค์กรด้วยตนเอง
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้กำหนดให้ บขส. อยู่ในกลุ่ม BBต้องใช้ระบบประเมินผลตามระบบ SEPAในปี 2557 เป็นต้นไป บริษัทฯ จึงได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระบบประเมินดังกล่าวด้วยการพัฒนาองค์กรตามแนวทางระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ โดยจัดฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA Criteria) และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อวิเคราะห์องค์กรเบื้องต้นตามเกณฑ์ SEPA (GAP Analysis) จัดทำบริบทของรัฐวิสาหกิจ จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน (Organizational Performance Report : OPR) จัดทำผลลัพธ์ด้านต่างๆ พร้อมทั้งติดตามการจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน การประเมินองค์กรด้วยตนเอง (Organization Self-Assessment) และจัดทำแผนพัฒนาองค์กรตามแนวทาง SEPA (Roadmap for Improvement)
5. พัฒนาระบบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถให้สอดคล้องกับระบบมาตรฐาน ISO 14001 : 2004
บริษัทฯ ได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานของศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ โดยการนำหลักการของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 2004มาดำเนินการให้เป็นระบบ มุ่งเน้นการควบคุม ป้องกัน และลดมลพิษที่เกิดจากกระบวนการทำงาน ด้วยการจัดให้มีโครงการคัดแยกและจัดการขยะให้ถูกต้องตามกฎหมาย กิจกรรม 5 ส โครงการอนุรักษ์และจัดการพลังงาน ได้จัดทำเอกสารคู่มือการจัดการสิ่งแวดล้อม ระเบียบปฏิบัติงาน (Procedure) คู่มือปฏิบัติงาน (Work Instruction) ตามข้อกำหนดของระบบมาตรฐาน ISO 14001 : 2004พร้อมได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 2004จาก Moody International (Thailand) Ltd. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2555
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดงานวันสิ่งแวดล้อมโดยมีการมอบรางวัลตามโครงการ ISO 14001 : 2004 และจัดกิจกรรม 5 ส ดังนี้
1. ตอบปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและเกี่ยวกับ พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 พนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ความเข้าใจและสามารถตอบปัญหาได้ถูกต้องแม่นยำ ได้รับรางวัล รวม 7 คน
2. การประกวดข้อเสนอแนะในการรักษาสิ่งแวดล้อม การบำรุงรักษาเครื่องมือ และการใช้วัสดุเหลือใช้ พนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการให้ข้อเสนอแนะและส่งเรื่องเข้าประกวด ได้แก่ เรื่องถาดรองแบตเตอรี่ บ่อดักไขมัน การจัดเก็บสต๊อกยาง และถาดรองน๊อตล้อ เป็นต้น
3. การตรวจประเมินกิจกรรม 5 ส และ ISO 14001 : 2004 มีหน่วยงานรวม 5 หน่วยงานได้รับรางวัล ได้แก่ งานคลังอะไหล่ กองซ่อมบำรุง งานตรวจสภาพรถ กองตรวจสภาพรถ งานบัญชี กองบริหารซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ และงานบริหารทั่วไป
6. การเดินรถระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว
ในปี 2555 บริษัทฯ ได้เปิดการเดินรถระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว เพิ่มอีกรวม 4 เส้นทาง คือ เชียงใหม่ – เชียงราย – หลวงพระบาง, อุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง, กรุงเทพฯ – ปากเซ และกรุงเทพฯ – นครหลวงเวียงจันทน์ หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการเดินรถระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว มาแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ บริษัทฯ จะเปิดเดินรถไปยังประเทศกัมพูชา โดยวิ่งต้นทางกรุงเทพฯ ไปเมืองเสียมราฐและพนมเปญ ซึ่งจะเป็นการเดินรถที่รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558